เรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0 ชุดตรวจเลือด HIV เป็นชุดตรวจวินิจฉัยภายนอกร่างกาย แบบได้ผลรวดเร็ว ใช้วิธีวิเคราะห์เชิงคุณภาพ หลักการแซนวิช-อิมมูโนเอสเสย์ 2 ส่วน สำหรับตรวจหาแอนติบอดีจากการติดเชื้อ HIV-1 และเชื้อ HIV-2 ในเลือดผู้ป่วย
ทั้งซีรัมและพลาสมา Retroscreen HIV 3.0 ต้องใช้ทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น บุคคลทั่วไปไม่ควรนำเรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0 ไปใช้ตรวจด้วยตนเอง
สิ่งที่ควรรู้เรื่องชุดตรวจ HIV เรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0
- ข้อสังเขปเรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0
- หลักการทดสอบของชุดตรวจ Retroscreen HIV 3.0
- คำเตือนในการชุดตรวจเรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0
- การเก็บและการเตรียมตัวอย่างเลือดในการทดสอบ
- ข้อจำกัดของ Retroscreen HIV 3.0 ที่ควรทราบ
ข้อสังเขปเรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0
ข้อสังเขปเรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0 ใช้วิธีอิมมูโนโครมาโตกราฟี สำหรับตรวจหาแอนติบอดีต่อ HIV-1และ HIV-2 ในซีรัม หรือ พลาสมาและใช้แอนติเจนที่มีความบริสุทธิสูงทั้งชนิด gp41 recombinant, gp 120 recombinant, p24 ของ HIV- 1 Subtype O สำหรับทดสอบแอนติบอดี ต่อ HIV-1 และ เปปไทด์สังเคราะห์ที่มีความจำเพาะสูงต่อ gp36 สำหรับทดสอบแอนติบอดีของ HIV-2
หลักการทดสอบของชุดตรวจ Retroscreen HIV 3.0
ชุดตรวจเรโทรสกรีนเอซไอวี 3.0 ใช้หลักการอิมมูโนโครมาโตกราฟฟี โดยใช้พื้นที่สองส่วนในการวิเคราะห์ทางภูมิคุ้มกันบนเมมเบรนไนโตรเซลลูโลส คือใช้ส่วนผสมของรีคอมบิเน้นท์แอนติเจนที่มีความบริสุทธิสูงของ gp41, gp120 และรีคอมบิเน้นท์
p24 ร่วมกับโปรทีสังเคราะห์ที่จำเพาะสูง HIV-1-p24 Subtype 0 ซึ่งใช้เป็นตัวแทนเชื้อ HIN-1 และโปรทีนสังเคราะห์ gp36 ซึ่งใช้เป็นตัวแทนเชื้อ HIV-2 แอนติเจนเหล่านี้ถูกตรึงไว้กับแถบทดสอบ (test bands) สองแห่งบนเมมเบรนในพื้นที่ทดสอบ (test region) ส่วนแถบที่สามเคลือบด้วย goat ant-rabbit anti-serum ตรึงไว้ที่พื้นที่ควบคุม (Control region)
เมื่อตัวอย่างเลือดไหลผ่านส่วนชั้นต่างๆ ของเมมเบรนที่อยู่ภายในตลับทดสอบไปยังพื้นที่ทดสอบ (test region) ถ้าตัวอย่างเลือดมีแอนติบอดีต่อ HIV-1/HIV-2 มันจะจับกันเป็นอนุภาคกับ แอนติเจนที่จำเพาะของ HIV-1/HIV-2 ที่เคลือบอยู่บน คัลลอยดัลโกลด์คอนจูเกต อนุภาคนี้เคลื่อนที่ต่อไปบนเมมเบรนไปยังพื้นที่ทดสอบ (test region) ที่ตรึงไว้ด้วยแอนติเจนของ HIV-1/HIV-2 ที่จำเพาะ ทำให้เกิดการสร้างแถบสี ซึ่งยืนยันว่าผลทดสอบเป็นบวก
ถ้าไม่ปรากฏสีในพื้นที่ทดสอบ (test region) แสดงว่าผลทดสอบเป็นลบ ส่วนโกลด์คอนจูเกตที่ไม่ทำปฏิกิริยาและที่ไม่เกิดปฏิกิริยา (ถ้ามี) จะเคลื่อนที่ต่อไปบนเมมเบรนและไปจับกับ goat anti-rabbit antibodies ที่เคลือบไว้บนเมมเบรนที่พื้นที่ควบคุม (Control region) เกิดเป็นแถบสีขึ้น แถบควบคุมนี้ (Control band) ช่วยบ่งซี้ว่าการทดสอบถูกต้อง
คำเตือนในการชุดตรวจเรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0
- ชุดตรวจเลือด HIV นี้ใช้สำหรับตรวจวินิจฉัยภายนอกร่างกายเท่านั้น ไม่ใช้เพื่อการรักษาโรค
- ห้ามใช้ชุดตรวจหลังวันหมดอายุการใช้งาน
- โปรดอ่านเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์อย่างละเอียดรอบคอบ ก่อนการใช้งาน
- ระมัดระวังตัวอย่างเลือดเสมือนว่าเป็นเลือดติดเชื้อ
- ปฏิบัติตามแนวทางมาตรฐานความปลอดภัยทางชีวภาพในการสัมผัสและกำจัดขยะติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส Sample Running Buffer (ซึ่งมี 0.1% Sodium Azide) Azide อาจทำปฏิกิริยากับสารตะกั่ว หรือ ทองแดงที่มีอยู่ตามท่อน้ำประปาก่อให้เกิดสารเคมีที่ระเบิดได้
- ถ้าสีของสารดูดความชื้นในซองเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีขาว ต้องใช้ตลับทดสอบอันใหม่
การเก็บและการเตรียมตัวอย่างเลือดในการทดสอบ
- ต้องเตรียมผู้ป่วยล่วงหน้า ก่อนการเจาะเลือด
- ควรใช้ตัวอย่างเลือดใหม่ๆเสมอ ในกรณีตรวจไม่ได้ทันที ควรเก็บซีรัม/พลาสมาในตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ได้นาน 24 ชั่วโมง ในการเก็บระยะยาวให้แช่แข็งที่ -20 องศาเซลเซียส
- หลีกเลี่ยงการแช่แข็งและละลายตัวอย่างเลือด ซ้ำๆหลายครั้ง
- ห้ามใช้ตัวอย่างเลือดที่มีเม็ดเลือดแดงแตก, เป็นเจลแข็ง, ปนเปื้อน, เหนียว-ข้น ขุ่น ตัวอย่างเลือดที่มีสารแขวนลอย ขุ่น ต้องนำไปปั่นและใช้ทดสอบเฉพาะส่วนบนที่ใสเท่านั้น
- ห้ามใช้ตัวอย่างที่ผ่านความร้อนมาแล้ว ก่อนการทดสอบ (Heat inactivate)
- ตัวอย่างเลือดที่แช่แข็งเก็บไว้เพื่อการศึกษาย้อนหลัง ต้องนำไปปั่น 3,000 rpm นาน 15 นาที แล้วใช้ทดสอบเฉพาะส่วนบนที่ใสเท่านั้น
ข้อจำกัดของ Retroscreen HIV 3.0 ที่ควรทราบ
- ชุดตรวจเรโทรสกรีนเอซไอวี 3.0 ทดสอบเฉพาะแอนติบอดีต่อ HIV ในตัวอย่างเลือดเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ควรใช้การทดสอบเดียวเป็นเกณฑ์การตัดสินใจและวินิจฉัยการติดเชื้อเอซไอวี
- การทดสอบด้วยชุดตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ผลที่ได้ต้องสอดคล้องและสัมพันธ์กับข้อมูลทางคลินิกด้วย หากผลเป็นลบแต่ยังมีข้อสงสัยอยู่ แนะนำให้ติดตามการตรวจวินิจฉัยผลทางคลินิกอื่น ๆเพิ่มเติม
- ผล Negativeด้วยชุดตรวจ เรโทรสกรีนเอซไอวี 3.0 ไม่สามารถสรุปว่าผู้ป่วยไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอซไอวี
- แถบสีที่เห็นแม้จะจางมาก ให้ถือว่า Reactive หรือ Positive และต้องตรวจและยืนยันโดยวิธีมาตรฐานอื่นต่อไป
- เพราะ HIV-1 และ HIV-2 มีโครงสร้างแอนติเจนและลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แอนติบอดี ต่อตัวมันเองอาจเกิดปฏิกิริยาข้ามกลุ่มได้ การเกิดปฏิกิริยาที่แถบทั้ง HIV-1และ HIV-2 ไม่จำเป็นว่าเกิดจากการติดเชื้อผสมทั้ง2ชนิด แต่เพื่อลดปฏิกิริยาข้ามกลุ่มและเพื่อการแยกชนิดของเชื้อให้ชัดเจน ชุดตรวจเรโทรสกรีนเอชไอวี 3.0 จึงใช้โปรที่นสารสังเคราะห์ทนการใช้คอมบิเน้นท์ gp36 อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อ HV-1/2 จำนวนมาก ทั้งสองแถบ เมื่อทดสอบกับ เรโทรสกรีน เอซไอวี3.0 จึงไม่ควรใช้ชุดตรวจนี้เพื่อแยกชนิดการติดเชื้อ HIV-1 และ HIV-2
บทความที่น่าสนใจ
อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม
คลินิกเวชกรรม
แก้ไขล่าสุด : 23/11/2023
อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com