เมื่อพูดถึงการคุมกำเนิดหลายคนทราบกันดีว่าเราสามารถเลือกได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการกินยาคุม, การสวมถุงยางอนามัย, การฝังยาคุม, การฉีดยาคุมกำเนิด ซึ่งแต่ละวิธีก็ให้ผลที่แตกต่างกันออกไป
การจะเลือกวิธีไหนก็อยู่ที่ความสะดวกและความเหมาะสมของแต่ละคนเป็นหลัก สำหรับในบทความนี้เราจะมาตอบคำถามที่ว่าการฉีดยาคุมกำเนิดต่างกับกินยาคุมกำเนิดอย่างไร เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
8 ข้อความแตกต่างระหว่างการฉีดยาคุมกำเนิดและกินยาคุมกำเนิด
1. ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด
ในส่วนของประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดนั้น การฉีดยาคุมกำเนิดถือว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าในการป้องกันการตั้งครรภ์
โดยไม่ว่าจะเป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (มีแต่ฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรน) หรือฮอร์โมนรวม (ฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรนรวมกับฮอร์โมนเอสโตรเจน) สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 99%
ในขณะที่ถ้าเป็นการกินยาคุม กรณีกินครบและถูกต้องจะช่วยป้องกันได้ 99.7% โอกาสพลาดอยู่ที่ 0.03% แต่หากลืมกิน กินผิดวิธี หรือกินไม่ตรงเวลา โอกาสพลาดจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 9% เลยทีเดียว
2. ราคาฉีดยาคุมกำเนิดและยาคุมแบบเม็ด
มาดูในส่วนของราคาค่าใช้จ่ายของการคุมกำเนิดด้วยการฉีดยาคุมกำเนิดและการกินยาคุมกันบ้าง โดยยาคุมแบบเม็ดนั้นมีราคาตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อยขึ้นอยู่กับยี่ห้อและตัวยา (ไม่แนะนำให้ซื้อแบบที่ราคาถูกเกินไปเพราะอาจไม่ได้ผลและอันตราย)
ในขณะที่ถ้าเป็นการฉีดยาคุมแบบ 1 เดือน ราคาที่อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรมของเราเริ่มต้นที่ 499 บาท ส่วนแบบ 3 เดือน ราคาเริ่มต้นที่ที่ 399 บาท โดยราคาอาจปรับเปลี่ยนตามคำวินิจฉัยของแพทย์
3. ระยะเวลาในการคุมกำเนิด
ข้อแตกต่างสำคัญอย่างหนึ่งระหว่างการฉีดยาคุมกำเนิดและการกินยาคุมก็คือ ระยะเวลาในการคุมกำเนิด โดยยาเม็ดคุมกำเนิดแบบธรรมดา มีทั้งแบบ 21 วัน และ 28 วัน
โดย 1 แผงจะสามารถคุมกำเนิดได้ 1 เดือน และ ชนิดที่ 2 คือยาคุมแบบฉุกเฉิน ใน 1 แผงจะมียา 2 เม็ด ใช้ในกรณีมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิดแบบอื่น
ในขณะที่การฉีดยาคุมกำเนิดนั้นสามารถเลือกได้ระหว่าง 1 เดือน และ 3 เดือน
4. ความวิตกกังวลหลังฉีดยาคุมกำเนิด
จากความแตกต่างของการฉีดยาคุมกำเนิดและการกินยาคุมกำเนิดดังที่กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่าในเรื่องของความวิตกกังวลว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่นั้น การฉีดยาคุมจะก่อให้เกิดความกังวลใจน้อยกว่าเนื่องจากไม่ต้องคอยกังวลว่าจะลืมกินยา แถมประสิทธิภาพโดยรวมก็ถือว่าดีกว่าด้วย
ในขณะที่หลายครั้งการลืมกินยาคุมทำให้หลายคนเกิดความเครียดตามมาต้องรอจนกว่าประจำเดือนจะมาอีกครั้งถึงสบายใจขึ้น
5. ยาฉีดแบบ 3 เดือน เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
เรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบก็คือการฉีดยาคุมกำเนิดแบบ 3 เดือนนั้น ยังเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางอีกด้วย เนื่องจากทำให้ประจำเดือนขาดหายไป ถือเป็นทางเลือกในการคุมกำเนิดอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับผู้ป่วยในกลุ่มนี้
6. การกินยาคุมสามารถหยุดได้ทันที
ข้อแตกต่างสุดท้ายของการฉีดยาคุมกำเนิดกับการกินยาคุมกำเนิด ก็คือการกินยาคุมนั้นถ้ารู้สึกว่าอ้วน น้ำหนักขึ้นผิดปกติ หรือ มีผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน สามารถหยุดได้ทันที
ในขณะที่การฉีดยาคุมกำเนิด ต้องรอให้ครบกำหนดก่อนถึงค่อยมาดูว่าจะเปลี่ยนไปใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบไหนดี
7. ความสะดวกในการคุมกำเนิด
ข้อดีของการฉีดยาคุมกำเนิด ให้ความสะดวก ใช้งานง่าย ฉีดครั้งเดียวก็สามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 1 เดือน หรือ 3 เดือน โดยไม่ต้องใช้ทุกวันเหมือนยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่กระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์
ในขณะที่การกินยาคุมแบบเม็ดรายเดือน จะต้องกินยาทุกันให้ตรงเวลา และห้ามลืมกินเด็ดขาด
8.ความเจ็บบริเวณที่ฉีด
การฉีดยาคุมกำเนิดจะต้องเจ็บตัวจากการฉีดยาทุกเดือน แต่ไม่ได้เจ็บมาก แต่การกินยาคุมกำเนิดแบบเม็ด ไม่ต้องเจ็บตัวจากการฉีดยา มีเพียงผลข้างเคียงเล็กน้อยเท่านั้น
และทั้งหมดนี้ก็คือความแตกต่างระหว่างการฉีดยาคุมกำเนิดกับการกินยาคุมกำเนิด ที่เรารวบรวมมาให้คุณได้ทำความเข้าใจกัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจเลือกวิธีการคุมกำเนิด
ทั้งนี้ท่านที่มีข้อสงสัยหรือต้องการใช้บริการฉีดยาคุมหรือฝังยาคุม สามารถใช้บริการได้ที่อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรมทุกสาขาใกล้บ้าน โดยค้นหาจากคลินิกใกล้ฉันใน Google
หรือติดต่อผ่านช่องทางบนหน้าเว็บไซต์ เรามีแพทย์เฉพาะทางคอยให้คำปรึกษาเพื่อการวางแผนคุมกำเนิดอย่างเหมาะสมและปลอดภัย ในราคาสบายกระเป๋า
: 3