ตรวจวิตามินดีในเลือด (Vitamin D) ตรวจเพื่ออะไร? ราคาเท่าไร?

ตรวจวิตามินดีในเลือด มีความจำเป็นและสำคัญ เพราะวิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการควบคุมระดับแคลเซียม ฟอสเฟส และเมตะบอลิซึมของกระดูกในร่างกาย การขาดวิตามินดีมีผลทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน กระดูกโค้งงอ โรคกระดูกพรุนได้

หากมีความสงสัยว่าจะขาดวิตามินดี ควรมาตรวจหาระดับวิตามินดีในเลือด เพื่อให้แพทย์ประเมินและวินิจฉัยโรคสำหรับทำการรักษาต่อไป

เรื่องควรรู้ก่อนตรวจวิตามิน ดี

ทำไมต้องตรวจวิตามินดี

ทำไมต้องตรวจวิตามินดี

เพราะการใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบันเปลี่ยนไป มักหลีกเลี่ยงที่จะเจอและสัมผัสแสงแดด เช่น การใช้ครีมกันแดด การใส่เสื้อแขนยาวปกปิดผิวกาย ทำให้ร่างกายสร้างวิตามินดีได้น้อยลง หรือขาดวิตามิน รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวและผู้ที่มีอาการที่แสดงออกว่าขาดวิตามิน

ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการตรวจระดับวิตามินดีซึ่งตรวจจากเลือด 

ซึ่งการแสดงผลตรวจ มี 4 ระดับ คือภาวะขาดวิตามินดี ภาวะพร่องวิตามินดี วิตามินดีระดับปกติ และวิตามินดีเป็นพิษ

ตรวจวิตามินดีในเลือดเพื่ออะไร

ตรวจวิตามินดีในเลือดเพื่ออะไร

ตรวจวิตามินดีในเลือด เพื่อเป็นแนวทางการตรวจติดตามและการรักษาในกลุ่มโรคที่สงสัย ดังนี้

  1. เพื่อดูว่าเรามีภาวะขาดวิตามินดีหรือไม่ และเพื่อประเมินว่าวิตามินดีที่เรารับประทานอยู่มีขนาดที่เหมาะสมกับร่างกายที่ควรได้รับหรือไม่

  2. เพื่อประเมินระดับของแร่ธาตุในร่างกาย ว่าที่ผิดปกติเกิดจากการขาดวิตามินดีหรือมีวิตามินดีสูงเกินไปหรือไม่ มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกหรือไม่

  3. เพื่อดูความเสี่ยงของภาวะขาดวิตามินดีของคนที่มีความเสี่ยงสูง

  4. เพื่อวินิจฉัยหรือติดตามอาการของต่อมพาราไทรอยด์ เนื่องจากฮอร์โมนพาราไทรอยด์และวิตามิดีต้องทำงานร่วมกัน

  5. เพื่อประเมินภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร หรือผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมไขมัน

ราคาโปรแกรมตรวจ Vitamin D

  • ตรวจระดับวิตามินดีในเลือด ราคา เริ่มต้น 4,450 บาท

  • ตรวจที่อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม 

  • รู้ผลตรวจเลือด 1-2  วัน

ราคาโปรแกรมตรวจ Vitamin D


ระดับวิตามิน D ในเลือดควรอยู่ที่เท่าไร

เกณฑ์การประเมินระดับวิตามินดีในเลือด  (จาก Endocrine Society) ของประเทศสหรัฐอเมริกา

  1. Vitamin D 25 (OH) D น้อยกว่า 20 ng/mL ระดับภาวะขาดวิตามินดี

  2. Vitamin D 25 (OH) D 20 – 30 ng/mL ระดับวิตามินดีในเลือดไม่เพียงพอ

  3. Vitamin D 25 (OH) D มากกว่า 30-100  ng/mL ระดับวิตามินดีในเลือดเพียงพอ

  4. Vitamin D 25 (OH) D มากกว่า 100 ng/mL ระดับวิตามินดีเป็นพิษ

กลุ่มที่ควรตรวจดูวิตามินดีในเลือด

กลุ่มที่ควรตรวจดูวิตามินดีในเลือด

  1. กลุ่มคนทั่วไปที่ต้องการวางแผนการรับประทานวิตามินดี 

  2. กลุ่มคนไข้ที่รับประทานอาหารไม่หลากหลาย

  3. กลุ่มคนไข้ที่รับประทานยารักษาโรคประจำตัวเป็นเวลานาน 

  4. ผู้ที่มีอาการสงสัยว่าขาดวิตามินดี 

  5. ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับโรคกระดูก

  6. ผู้ที่กำลังรับประทานวิตามินดีในปริมาณมาก

  7. ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 และ 4 

  8. ผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงแบบปฐมภูมิ

  9. ผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ที่เกิดจากกลุ่มโรคแกรนูโลมา

วิธีการตรวจ Vitamin D

ในการประเมินสภาวะวิตามินดีในร่างกาย ในปัจจุบัน มีหลายวิธี ได้แก่

วิธี Immunoassay

• Radioimmunoassay (RIA) เป็นการตรวจวิเคราะห์ 25(OH)D (25) วิธีนี้เป็นการตรวจวิเคราะห์ 25(OH) D2 และ25(OH) D3 รวมกันการตรวจวิเคราะห์ต้องอาศัยการติดฉลากสารกัมมันตรังสี 

แต่อย่างไรก็ตามมีบางการศึกษาที่ทำการเทียบผลการตรวจ ด้วยวิธี RIA กับ LC-MS/MS พบว่าที่ความเข้มข้นของระดับ วิตามินดีที่ต่ำ ซึ่งวิธีการตรวจด้วย RIA จะให้ผลที่ต่ำกว่าและที่ความเข้มข้นของระดับวิตามินดีสูงกว่า วิธี LC-MS/MS ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ประมาณ 13 %

• Enzyme-linked immunosorbent assay วิธีนี้มีการใช้กันน้อย ข้อมูลจากองค์กรที่ทำการ ประเมินคุณภาพห้องปฏิบัติการในการตรวจวิเคราะห์ วิตามินดีพบว่าวิธีนี้มีค่าความเข้มข้นของระดับวิตามินดีที่ต่ำกว่า วิธี RIA ประมาณ 5.2 – 6 ng/mL และต่ำกว่าวิธี LC-MS/MS ประมาณ 21 %

• Chemiluminescent immunoassay ปี ค.ศ. 2004 ได้มีการพัฒนาการตรวจวิเคราะห์ วิธีนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ สามารถทำการตรวจวิเคราะห์บนเครื่องอัตโนมัติทำให้ ประหยัดเวลาในการตรวจ ส่งผลให้การตรวจวิเคราะห์นี้มี ความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น เหมาะสำหรับห้องปฏิบัติการทั่วไป แค่จะมีข้อจำกัดบางอย่างซึ่งอาจทำให้การวัดด้วยวิธีนี้มีค่าสูงกว่าปกติได้


วิธี Chemistry-based assay  

วิธีนี้อาศัยหลักการแยกตามคุณสมบัติทางเคมีของสาร สามารถแยกวิเคราะห์ระดับของ 25(OH) D2 และ 25(OH) D3 ได้อย่างแม่นยำ โดยวิธี LC-MS/MS มีความไวมากกว่า HPLC ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่า วิธี LC-MS/MS ใช้ในการประเมินระดับของวิตามินดี
แต่ข้อจำกัดของทั้ง 2 วิธีนี้คือ เครื่องมือที่ใช้ตรวจมีราคาแพง และการวิเคราะห์ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการตรวจด้วย 

เตรียมตัวก่อนตรวจระดับวิตามิน D

ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนการตรวจ

การตรวจระดับวิตามิน D เป็นการตรวจจากเลือด โดยการเจาะเลือดคล้ายกับการตรวจเลือดปกติทั่วไป และการตรวจวิตามินดี ไม่ต้องงดน้ำหรืองดอาหาร สามารถเข้ารับการตรวจได้เลย ไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษค่ะ


ตรวจวิตามินดีในเลือดที่อินทัชเมดิแคร์คลินิก

ภาวะขาดวิตามินดีหรือต้องการตรวจ
ตามแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง
เพื่อที่จะเกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ 

แม้ว่าเราจะมีภาวะขาดวิตามินดีหรือระดับวิตามินดีในร่างกายสูงเกินไป ก็ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน ทั้งผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงจากการใช้ชีวิตประจำวันและโดยเฉพาะกับผู้ที่กำลังทำการรักษาโรคประจำตัวอยู่ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เราไม่ควรนิ่งนอนใจ

หากมีอาการสงสัยควรเข้ารับการตรวจโดยเร็ว เพื่อให้แพทย์หาแนวทางในการรักษาได้ทันค่ะ 

 สนใจตรวจระดับวิตามิน D ในเลือดที่อินทัชเมดิแคร์ สามารถ waik in หรือนัดหมายได้ทุกช่องทางออนไลน์ค่ะ ค้นหา “ตรวจวิตามินดีในเลือด ที่คลินิกใกล้ฉัน” ก็เจอแล้วค่ะ เดินทางสะดวก ขั้นตอนง่ายๆ 

ตรวจวิตามินดีในเลือดที่อินทัชเมดิแคร์คลินิก


เอกสารอ้างอิง

  • ข้อแนะนำเกี่ยวกับภาวะขาดวิตามินดีในคนไทย, สมาคมต่อมไร้ท่อแห่งประเทศไทย

  • ข้อแนะนำการป้องกันและรักษาภาวะพร่องวิตามินดีในทารก เด็ก และวัยรุ่น 2566

  • ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำ หรับคนไทย พ.ศ. 2563

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

 Hot Line 081-562-7722 กดโทรออก

    

 @qns9056c

 อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม

 แก้ไขล่าสุด : 08/11/2024

อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com