วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า มีส่วนสำคัญในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์มาสู่คนที่มีอันตรายร้ายแรงที่สุด คนหรือสัตว์ที่มีอาการของโรคจะเสียชีวิตทุกราย โรคนี้พบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด
ซึ่งในประเทศไทยสุนัขยังคงเป็นสัตว์นำโรคที่สำคัญที่สุด ในปีหนึ่งๆ มีคนถูกสุนัขกัดมากกว่า 1 ล้านคน ส่วนหนึ่งของคนที่ถูกกัดจะมารับบริการที่สถานพยาบาล การตัดสินใจให้วัคซีนหรืออิมมูโนโกลบูลินป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นสิ่งสำคัญ
หากผู้สัมผัสโรคนี้ได้รับการดูแลรักษาอย่างไม่ถูกต้องอาจทำให้เสียชีวิตได้ |
เรื่องน่าก่อนฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า
วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าสำคัญอย่างไร
-
ป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าหากได้รับความเสี่ยง เพราะโรคนี้ไม่มีทางรักษาหากเป็นแล้วก็มักเสียชีวิตในทุกๆราย
-
การฉีดก่อนสัมผัสเชื้อจะช่วยป้องกันบุตรหลานของคุณ เมื่อบังเอิญสัมผัสเชื้อแล้วไม่ได้บอกผู้ปกครอง
-
ป้องกันและลดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อในคนและสัตว์
-
ลดโอกาสการเสียชีวิต เมื่อถูกสัตว์กัด ข่วน หรือได้รับความเสี่ยงอื่นๆ
วัคซีนพิษสุนัขบ้าในคนกับในสัตว์
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในคน
-
ช่วยป้องกันโอกาสการติดเชื้อทั้งการฉีดก่อนและหลังสัมผัสเชื้อ
-
สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือน
-
การฉีดก่อนการสัมผัสเชื้อช่วยลดค่าใช้จ่ายในภายหลัง เพราะไม่ต้องฉีดอิมมูโนโกลบูลิน (เซรุ่มพิษสุนัขบ้า) รอบแผลเพิ่มเติม ในกรณีที่ได้รับเชื้อแบบมีความเสี่ยงสูง
-
ฉีดวัคซีนที่สถานพยาบาล เช่น คลินิก โรงพยาบาล
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์
-
สามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่ช่วยอายุ 2-4 เดือน ไม่ควรฉีดตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากในช่วงแรกเกิดยังมีการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีพอ จึงไม่เหมาะแก่การฉีดวัคซีน และฉีดกระตุ้นซ้ำเมื่อสัตว์อายุ 3 เดือน และ 1 ปี และควรฉีดซ้ำทุกปี
-
เป็นการฉีดเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันไม่ให้เกิดอาการป่วยหลังถูกสัตว์ที่มีความเสี่ยงกัด และลดความเสี่ยงในการส่งต่อเชื้อมายังคนด้วย
-
มีกฎหมาย พรบ. โรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535 ซึ่งกำหนดไว้ว่า ผู้ใดมีสุนัขไว้ใน ครอบครองต้องนำไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าครั้งแรก เมื่อสุนัขอายุ 2-4 เดือน หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 200 บาท
-
ฉีดที่สถานพยาบาลสัตว์ เช่น คลินิกสัตว์ โรงพยาบาลสัตว์
-
เจ้าของสัตว์ควรมีใบรับรองการฉีดวัคซีน
ผู้ที่ควรได้รับการฉีดวัคซีน
กรณีฉีดก่อนสัมผัสเชื้อ
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคล่วงหน้า จะทำให้มีระดับภูมิคุ้มกันขึ้นสูงพอที่จะป้องกันโรคได้ ภายใน 14 วันหลังฉีด โดยแนะนำในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อสูงฉีด เช่น
-
ผู้มีสัตว์เลี้ยง, เด็ก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก (มีโอกาสถูกกัดบ่อย)
-
สัตวแพทย์ ผู้ช่วยสัตวแพทย์
-
ผู้ทำงาน หรืออาศัยที่ในพื้นที่มีสัตว์ เช่น สวนสัตว์, วัด, คาเฟ่แมว-สุนัข เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เป็นต้น
-
บุรุษไปรษณีย์ พนักส่งของเดลิเวอรี่ ไรด์เดอร์
-
ผู้ที่เดินทางไปในพื้นที่ๆมีความเสี่ยงสูง
กรณีฉีดหลังสัมผัสเชื้อ
จะเป็นการฉีดในในกรณีที่ถูกสัตว์กัด ข่วน หรือสัมผัสเชื้อผ่านทางอื่น ที่ส่งผลให้ร่างกายได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย จึงควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าอย่างเหมาะสมตามกรณีและความเสี่ยง
ราคาฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
ราคาวัคซีนพิษสุนัขบ้าที่อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม
-
ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า เข็มแรก ราคา 1,350 บาท
-
ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า เข็มถัดไป ราคา 850 บาท (ฉีดต่อเนื่อง)
หมายเหตุ : ราคารวมค่าแพทย์และค่าบริการคลินิกแล้ว
ราคาไม่รวมค่าทำแผล,ล้างแผล และวัคซีนบาดทะยัก
* ราคานี้สำหรับกรณีฉีดวัคซีนครั้งแรกที่อินทัชเมดิแคร์
วิธีปฏิบัติตนเมื่อถูกสัตว์กัดหรือข่วน
หากพบว่าตนเองหรือบุตรหลานถูกสัตว์กัดหรือข่วน ควรรีบทำการล้างแผลและปฐมพยาบาลบาดแผลทันที ก่อนไปสถานพยาบาลเพื่อรับการป้องกันตามคำแนะนำจากแพทย์ หรือหากมีสถานพยาบาลใกล้ๆสามารถไปทำแผลที่สถานพยาบาลได้เลย
ปฐมพยาบาลเบื้องต้น
-
ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่หลายๆ ครั้ง กรณีที่แผลลึกให้ล้างไปจนถึงจุดลุกสุดของแผล และควรล้างอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอาการช้ำ
-
ทำการเช็ดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดน ไอโอดีน หรือฮิบิเทน หากไม่มียาเหล่านี้ให้ใช้เป็นทิงเจอร์ไอโอดีน หรือแอลกอฮอล์ 70% เช็ดแทน
-
ไปที่สถานพยาลเพื่อพบแพทย์ เพื่อรับการป้องกันที่เหมาะสม
หมายเหตุ: กรณีผู้ที่มีบาดแผลลึก (เสี่ยงสูง) หลังจากทำการปฐมพยาบาลแล้วควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ไปพบแพทย์
เมื่อไปที่สถานพยาบาล แพทย์จะทำการพิจารณาบาดแผลและแนะนำให้รับการพยาบาลโดยเฉพาะในผู้มีบาดแผลเปิดเลือดออก ได้แก่
-
ทำความสะอาดแผลและจ่ายยาปฏิชีวนะ เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ
-
พิจารณการฉีดวัคซีนบาดทะยักเพิ่มในผู้ป่วยบางราย โดยพิจารณาจากประวัติการรับวัคซีน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเกิดอัมพาต
-
จ่ายยารักษาตามอาการของผู้ป่วย เช่น ยาบรรเทาอาการปวด
-
พิจารณาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตามความเสี่ยง รวมไปถึงการฉีดอิมมูโนโกลบูลิน
ไม่ฉีดวัคซีนได้ไหม
การที่แพทย์ที่จะพิจารณาว่าผู้ป่วยสมควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่นั้นจะสามารถพิจารณาได้เป็น 2 กรณี ดังนี้
-
กรณีที่ 1การสัมผัสแบบแบบไม่ติดเชื้อ เช่น สัมผัสผิวหนัง แม้อาจมีโรคพิษสุนัขบ้า แต่ไม่มีบาดแผลหรือรอยถลอก หรือไม่ได้สัมผัสเลือดสัตว์ ไม่จำเป็นต้องรับวัคซีนหรือสังเกตุอาการของสัตว์
-
กรณีที่ 2 การสัมผัสแบบติดเชื้อ เช่น โดนเลือด น้ำลาย สารคัดหลั่ง ถูกสัตว์ข่วนหรือกัด จนได้รับบาดแผล ควรรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค แม้จะเคยฉีดก่อนการสัมผัสมาแล้ว ต้องได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้น โดยพิจารณาว่าเคยได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายเมื่อใด ถ้าภายใน 6 เดือน ก็ฉีดกระตุ้น 1 เข็ม ถ้าเกิน 6 เดือนไปแล้ว ฉีดกระตุ้นเพียง 2 เข็ม
ฉีดอิมมูโนโกลบูลินจำเป็นหรือไม่
อิมมูโนโกลบูลินสำหรับป้องกันพิษสุนัขบ้า (Rabies Immunoglobulin) หรือเซรุ่มป้องกันพิษสุนัขบ้า มักมีความจำเป็นต้องฉีดในผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้ามาก่อน เมื่อฉีดเข้าไปจะพบแอนติบอดีหลังฉีดทันที โดยมักฉีดภายในช่วง 7 วันหลังรับวัคซีนเข็มแรก
“หากผู้สัมผัสเชื้อได้รับวัคซีนมาเกิน 7 วันแล้ว และยังไม่ได้รับอิมมูโนโกลบูลินก็ไม่จำเป็นต้องฉีดแล้ว เพราะอิมมูโนโกลบูลินจะไปทำการกดการสร้างภูมิคุ้มกันของวัคซีนนั่นเอง ส่วนในผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 3 เข็ม ไม่จำเป็นต้องฉีด”
การฉีดวัคซีนก่อนรับเชื้อเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องฉีดอิมมูโนโกลบูลินที่รอบแผลเพิ่ม ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บ หรือในบางรายอาจมีอาการแพ้ อีกทั้งยังมีราคาแพงด้วย
ระดับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อพิษสุนัขบ้า
ในการจะพิจารณาระดับความเสี่ยงว่าผู้ป่วยรายใดที่ถูกสัตว์สัมผัส กัด หรือข่วน จำเป็นต้องฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าและอิมมูนโกลบูลินหรือไม่นั้น ในแต่ละประเทศจะมีแนวทางการรักษาที่ไม่เหมือนกัน
ทั้งนี้เป็นเพราะการควบคุมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์มีความเข้มงวดแตกต่างกันและมีความชุกชุมของสัตว์ที่เป็นโรคไม่เท่ากัน สำหรับในประเทศไทยนั้นมีแนวทางปฏิบัติดังนี้
ระดับที่ 1 การสัมผัสเชื้อที่ไม่ติดโรค
-
ในกรณีมีการป้อนน้ำ-อาหาร หรือสัมผัสสัตว์ แต่บริเวณที่สัมผัสไม่มีแผลหรือรอยถลอก
-
ถูกเลีย หรือโดนน้ำลาย เลือดในบริเวณที่ไม่ได้มีแผล หลังสัมผัสให้ล้างบริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำสะอาดและสบู่
-
กลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน
ระดับที่ 2 การสัมผัสที่มีโอกาสติดโรค
-
ถูกสัตว์เลียในบริเวณที่มีแผลถลอก หรือเกิดรอยข่วน
-
ถูกสัตว์กัด แล้วเกิดรอยแผลแทงทะลุผ่านทางผิวหนัง และมีเลือดออก
-
ถูกสัตว์งับ จนเกิดรอยช้ำ แต่ไม่ได้มีเลือดออก หรือไหลซิบออกมา
-
ถูกสัตว์ข่วน เกิดลอยถลอกที่บริเวณผิวหนัง แต่ไม่มีเลือดออก
หลังสัมผัสเชื้อให้รีบล้างแผล บริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำสะอาดและสบู่ และทำความสะอาดแผล และเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกัน*
ระดับที่ 3 การสัมผัสที่มีโอกาสติดโรคสูง
-
ถูกข่วน ซึ่งทำให้ผิวหนังฉีกขาด และเลือดออก
-
ถูกกัดจนเกิดแผลทะลุลงบนผิวหนัง และมีเลือดออก
-
แผลสัมผัสถูกสารคัดหลั่งของสัตว์ ซากสัตว์ เนื้อสมองของสัตว์ และการชำแหละซากสัตว์และลอกหนังสัตว์***
-
มีการรับประทานอาหารดิบที่เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
หลังสัมผัสเชื้อให้รีบล้างแผล บริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำสะอาดและสบู่ และทำความสะอาดแผล และรีบเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกัน*และอิมมูโนโกลบูลิน**โดยเร็วที่สุด
หมายเหตุ :
* จะหยุดฉีดเมื่อสัตว์ (เฉพาะสุนัขและแมว) เป็นปกติตลอดระยะเวลากักขังเพื่อดูอาการ 10 วัน
** กรณีที่ถูกกัดเป็นแผลที่บริเวณใบหน้า ศีรษะ คอ มือ และนิ้วมือ หรือเป็นแผลลึก แผลฉีกขาดมาก หรือถูกกัดมาหลายแผล ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสูงและมักมีระยะเวลาฟักตัวของโรคสั้น แพทย์จึงจำเป็นต้องฉีดอิมมูนโกลบูลินโดยเร็วที่สุด (แต่ถ้าฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าเข็มแรกไปแล้ว 7 วัน ก็ไม่ต้องฉีดอิมมูนโกลบูลิน เนื่องจากผู้ป่วยจะมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นแล้ว) และต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการล้างแผลด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ เนื่องจากผู้ที่ถูกกัดและได้รับการรักษาแต่เสียชีวิตจะเป็นผู้ที่ถูกกัดที่ใบหน้า ศีรษะ คอ แทบทั้งสิ้น
*** พิจารณาความเสี่ยงมากน้อยตามลักษณะเป็นราย ๆ ไป
ข้อมูลหัวข้อ : การพิจารณาความเสี่ยงต่อการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าจากลักษณะการสัมผัสกับสัตว์ จาก medthai.com
ข้อควรรรู้ในการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
ควรฉีดวัคซีนภายในกี่วันหลังสัมผัสเชื้อ
ควรฉีดตั้งแต่ในวันที่ถูกสัตว์กัด หรือได้รับเชื้อ ควรรับการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และไม่ควรนานเกิน 48 ชั่วโมง (2 วัน)
ผลข้างเคียงที่พบในวัคซีน
-
โดยปกติมักไม่พบผลข้างเคียง แต่อาจมีโอกาสพบอาการข้างเคียงหลังฉีด
-
โดยทั่วไปมักเกิดบริเวณที่ฉีด เช่น อาการปวด แดง บวม หรือตุ่มแข็งเกิดขึ้นได้เล็กน้อย
-
อาการแพ้ ซึ่งสามารถพบได้น้อยมาก และพบแค่ในบางรายเท่านั้นที่ต้องการรักษา
หมายเหตุ: หรือหากพบอาการอื่นๆนอกเหนือจากนี้ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบ
วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าฉีดกี่เข็ม
สำหรับผู้ที่ต้องการทราบว่าแนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าในคน กี่เข็ม ที่อินทัชเมดิแคร์จะมีแนวทางการการรับวัคซีนดังต่อไปนี้
-
การฉีดก่อนรับเชื้อ จะฉีดจำนวน 3 เข็ม โดยฉีดห่างกัน 0, 7 และ 21 หรือ 28 วัน
-
การฉีดหลังได้รับเชื้อ ในผู้เคยรับวัคซีนแล้ว จะฉีดกระตุ้นจำนวน 2 เข็ม โดยมีระยะเวลาห่างกันดังนี้คือ 0 และ 3 วัน
-
การฉีดหลังได้รับเชื้อ ในผู้ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือฉีดไม่ครบ จะฉีดจำนวน 5 เข็ม โดยฉีดห่างกัน 0, 3 ,7, 14 และ 28 วัน ซึ่งทั้งนี้หากสัตว์ที่กัดไม่มีอาการผิดปกติในช่วง 10 วัน สามารถหยุดฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 และ 5 ได้เลย และต้องได้รับการฉีดอิมมูโนโกลบูลินด้วย (แต่ทั้งนี้ควรฉีดให้ได้ถึงเข็มที่ 3 เพื่อเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันล่วงหน้า)
-
การฉีดในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะฉีด 6 เข็ม ห่างกัน 0, 3, 7, 14 และ 28 วัน โดยในวันที่ 0 ควรได้รับวัคซีน 2 เข็ม
-
ในกรณีที่ฉีดวัคซีนยังไม่ครบ แล้วถูกสัตว์กัดให้ฉีดวัคซีนต่อตามแพลนจนครบไม่จำเป็นต้องเริ่มฉีดใหม่
มีประสิทธิภาพการป้องกันกี่ปี
วัคซีนพิษสุนัขบ้านั้น ไม่มีระยะเวลาการป้องกันที่แน่ชัดว่าสามารถป้องกันได้กี่ปี
อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรมให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งฉีดก่อนสัมผัสและฉีดป้องกันโรคหลังสัมผัสหรือถูกสัตว์กัด มองหาคลินิกฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า ใกล้ฉัน สามารถรับบริการได้ที่อินทัชเมดิแคร์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ เช็กเลย! อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรม สาขาใกล้คุณ
เอกสารอ้างอิง
-
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้าและคำถามที่พบบ่อย, กลุ่มโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
-
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแบบป้องกันล่วงหน้า, สภากาชาดไทย
นายอัชวินทร์ ธรรมสุนธร
ผู้จัดการทั่วไป
แก้ไขล่าสุด : 22/10/2024
อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com