การจะเลือกใครสักคนให้เข้ามาทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็ก (nanny) เพื่อดูแลลูกน้อยของเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการตรวจสอบประวัติและคัดกรองผู้ที่เหมาะสมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพฤติกรรม ความซื่อสัตย์ ประสบการณ์ในการทำงาน หรือในเรื่องของสุขภาพ นั่นทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเลือกที่จะต้องมีการตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็ก (Nanny Employment Checkup) ก่อนเข้าทำงาน สำหรับท่านที่ยังมีข้อสงสัยเรารวบรวมเอาคำถามคำตอบที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็กมาไว้ในความนี้เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
ข้อสงสัยที่เป็นคำถามเบื้องต้นอย่างกว้างๆ ที่ทุกคนอาจจะพอทราบกันอยู่แล้ว เช่น การตรวจสุขภาพคืออะไร? การตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็กคืออะไร? คุณสามารถอ่านได้จากบทความนี้ ตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็ก (Nanny Employment Checkup) ส่วนคำถามต่อไปนี้จะเป็นการให้คำตอบที่ลึกมากขึ้นสำหรับผู้ที่กำลังจัดหาพี่เลี้ยงเด็กค่ะ
คำตอบที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็ก
-
ความจำเป็นในการตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็ก
-
โรคที่พี่เลี้ยงเด็กอาจจะนำมาติดลูกเราได้ง่าย
-
สิ่งที่ควรทำก่อนเริ่มงานพี่เลี้ยงเด็ก นอกจากการตรวจสุขภาพ
-
โปรแกรมตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็กต้องตรวจอะไรบ้าง?
-
ความถี่ในการตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็ก
-
การฉีดวัคซีนเสริมให้กับพี่เลี้ยงเด็กมีความจำเป็นไหม?
-
เรื่องที่ต้องพิจารณา นอกเหนือจากเรื่องสุขภาพของพี่เลี้ยงเด็ก
1. ความจำเป็นในการตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็ก
พี่เลี้ยงเด็ก คือคนที่จะต้องอยู่ใกล้ชิดกับลูกน้อยของเรารองจากพ่อแม่หรือบางครั้งอาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ หากคุณพ่อคุณแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านทั้งคู่ คงไม่ดีแน่ถ้าลูกน้อยต้องมาติดโรคจากคนที่เราจ้างมาดูแล เพราะในแต่ละวันต้องมีการกอด สัมผัส หรือไอ จาม ใช้สิ่งของบางอย่างร่วมกัน ซึ่งเด็กเล็กนั้นปกติภูมิต้านทานก็ต่ำอยู่แล้วจึงเสี่ยงต่อการติดโรคได้ง่าย การตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น
2. โรคที่พี่เลี้ยงเด็กอาจจะนำมาติดลูกเราได้ง่าย
สำหรับโรคที่พี่เลี้ยงเด็กอาจนำมาติดลูกน้อยของเรานั้นเช่น โรคผิวหนัง, โรคระบบทางเดินหายใจ, เหา, พยาธิ, ไวรัสตับอักเสบ และหากเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ยังต้องระวังโรควัณโรค ที่มากับผู้ป่วย HIV ทั้งนี้ถ้าเป็นการจ้างพี่เลี้ยงเด็กจากศูนย์บางแห่งอาจมีการตรวจโรคมาให้แล้วแต่บางแห่งอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง คุณพ่อคุณแม่จึงควรต้องสอบถามรายละเอียดให้ดีก่อนทำการจ้าง
3. สิ่งที่ควรทำก่อนเริ่มงานพี่เลี้ยงเด็ก นอกจากการตรวจสุขภาพ
อย่างที่บอกเอาไว้ในตอนต้นว่าการจ้างพี่เลี้ยงเด็กนั้นต้องพิจารณาหลายอย่างด้วยกันซึ่งนอกจากการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานแล้วยังต้องดูในเรื่องของทักษะในการดูแลเด็กด้วยไม่ว่าจะเป็นการผ่านการฝึกทักษะในการดูแลเด็กในวัยที่จะต้องมาเลี้ยง, ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโภชนาการ, การปฐมพยาบาลเบื้องต้น, การดูแลในช่วงเวลาที่เจ็บป่วย แม้กระทั่งเรื่องของจิตวิทยาในการดูแลเด็กและการจัดการอารมณ์ของตัวพี่เลี้ยงเด็กเอง
4. โปรแกรมตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็กต้องตรวจอะไรบ้าง?
ในส่วนของโปรแกรมตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็ก ของอินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรมนั้น มีด้วยกัน 2 โปรแกรม ซึ่งจะมีรายการตรวจที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ในส่วนที่ทุกคนต้องตรวจคือการตรวจกับแพทย์เพื่อสอบถามประวัติสุขภาพ ถือเป็นการคัดกรองเบื้องต้น ที่นำไปสู่การออกใบรับรองแพทย์เพื่อยืนยันว่าพี่เลี้ยงเด็กจะไม่นำโรคต่างๆ ไปติดลูกของเรา
รายการต่อมาแพทย์จะตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ทำการเอกซเรย์ปอดเพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีวัณโรคที่อาจติดต่อไปสู่เด็กได้ ตรวจไวรัสตับอักเสบเอ , ตรวจไวรัสตับอักเสบบี ที่เป็นโรคที่สามารถติดต่อได้จากรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มจากภาชนะใบเดียวกัน ติดต่อจากการใกล้ชิดหรือสัมผัสสารคัดหลั่ง และที่สำคัญมากๆ คือตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี และตรวจการติดเชื้อซิฟิลิส เนื่องจาก 2 โรคนี้ในผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการจึงจำเป็นที่ต้องมีการตรวจยืนยันจากแพทย์ว่าไม่ได้ติดเชื้อดังกล่าวอยู่
รายการตรวจสุดท้ายคือ ตรวจหาเชื้อแบคทีเรียโดยการเพาะเชื้ออุจจาระที่เป็นสาเหตุจากการติดเชื้อในทางเดินอาหาร เช่น เชื้อไทฟอยด์ (typhoid) บิด (dysentery) เป็นต้น อาจใช้ตรวจหาเชื้อไวรัสที่มีอยู่ เช่น โรคติดเชื้อไวรัสเอนเทอโร (enterovirus) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อ (aseptic meningitis) หากเด็กเล็กที่สัมผัสต่อเชื้อดังกล่าวอาจมีอาการรุนแรงได้
5. ความถี่ในการตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็ก
การตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็กมีความจำเป็นต้องตรวจทุกครั้งก่อนที่จะเข้าเริ่มงานในบ้านของนายจ้าง เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจ ก่อนที่พี่เลี้ยงจะเข้าไปดูแลเด็กและใกล้ชิดกับบุคคลอื่นๆในครอบครัวของนายจ้างด้วย
ในกรณีที่พี่เลี้ยงเด็กดูแลเด็กนานเกิน 1 ปี ขึ้นไป แนะนำให้ตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็กอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ถือเป็นการตรวจสุขภาพประจำปีให้กับพี่เลี้ยง เพราะเมื่อเวลาผ่านไปสุขภาพร่างกายของพี่เลี้ยงเด็กอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือการเกิดโรคต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น เพื่อความมั่นใจไร้กังวล ควรตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ
6. การฉีดวัคซีนเสริมให้กับพี่เลี้ยงเด็กมีความจำเป็นไหม?
พี่เลี้ยงเด็กควรได้รับฉีดวัคซีนเสริมร่วมกับการตรวจสุขภาพ เนื่องจากพี่เลี้ยงเด็กคือคนที่อยู่ใกล้ชิด คลุกคลีกับลูกของเรามากที่สุด หากเกิดโรคต่างๆก็จะแพร่เชื้อมาสู่เด็กได้ง่ายที่สุด
วัคซีนเสริมที่แนะนำให้กับพี่เลี้ยงเด็ก มีดังนี้
-
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรให้พี่เลี้ยงเด็กฉีดปีละ 1 ครั้ง
-
วัคซีน TdaP หรือ วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ในกรณีดูแลเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนที่ภูมิคุ้มกันยังขึ้นไม่ดี
-
วัคซีน MMR หรือ หัด หัดเยอรมัน คางทูม ในกรณีที่ได้รับไม่ครบ
-
วัคซีน HAV หรือไวรัสตับอักเสบเอ ฉีด 2 เข็ม โดยเข็มที่ 2 ให้ฉีดห่างกัน 6 เดือน
-
วัคซีน HBV หรือไวรัสตับอักเสบบี ฉีด 3 เข็ม ซึ่งเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน
-
วัคซีนโควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
7. เรื่องที่ต้องพิจารณา นอกเหนือจากเรื่องสุขภาพของพี่เลี้ยงเด็ก
นอกจากการตรวจสุขภาพเพื่อความปลอดภัยต่อลูกน้อยแล้ว พ่อแม่ควรพิจารณาเบื้องต้นและตรวจสอบประวัติของพี่เลี้ยงเด็กด้วยว่า เคยทำผิดกฏหมายหรือต้องโทษใดๆมาก่อนหรือไม่ หากพี่เลี้ยงเด็กเคยมีประวัติไม่ดี ก็จะได้รู้ตัวก่อนล่วงหน้า รวมถึงต้องทราบประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมา หรือการทำงานด้านอื่นๆ มาประกอบร่วมด้วย
การตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็กก่อนเริ่มงานนั้น ถือว่ามีความสำคัญตามที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสิ่งที่ควรทำทั้งเพื่อความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่และความปลอดภัยของตัวลูกน้อยเอง สำหรับท่านที่สนใจโปรแกรมตรวจสุขภาพพี่เลี้ยงเด็กของเราสามารถนำพี่เลี้ยงเด็กมาเข้ารับการตรวจได้ที่อินทัชเมดิแคร์คลินิกเวชกรรมทุกสาขาใกล้บ้าน โดยค้นหาจากคลินิกใกล้ฉันใน Google หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากช่องทางการติดต่อบนหน้าเว็บไซต์ของเราได้เลยค่ะ
นายอัชวินทร์ ธรรมสุนธร
ผู้จัดการทั่วไป
แก้ไขล่าสุด : 23/04/2024
อนุญาตให้ใช้งานภาพโดยไม่ต้องขออนุญาต เฉพาะในเชิงให้ความรู้ หรือเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยต้องให้เครดิตหรือแสดงแหล่งที่มาของ intouchmedicare.com